วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สารคดีสิ่งแวดล้อม


ใครกันแน่ที่ทำลาย ?

                  ปัจจุบันชายหาดพัทยาเหนือ เหลือพื้นที่จากชายฝั่งลงไปในทะเลประมาณห้าเมตรเท่านั้น ถือว่าเป็นระยะทางที่น้อยมากเมื่อเทียบกับ ๑๐ ปีที่แล้ว บางบริเวณแทบจะไม่เหลือพื้นที่ชายหาดให้นักท่องเที่ยวได้เห็นหรือเดินลงไปเหยียบหาดทราย อีกทั้งยังเกิดปัญหาการทรุดตัวของดินทำให้ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ริมชายหาดล้มลง จนทำให้ทัศนียภาพบริเวณนั้นดูไม่เจริญตานัก นับว่าปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะนี้สร้างความสูญเสียต่อพื้นที่ชายฝั่งไม่น้อย จนต้องมีการติดป้ายประกาศห้ามนักท่องเที่ยวเข้ามาบริเวณที่พื้นดินทรุดเพื่อความปลอดภัย
                  จากปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายหาดพัทยาเหนือ จึงทำให้หลายฝ่ายยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือและหาวิธีแก้ไขปัญหา จะมีใครทราบหรือไม่ว่าต้นเหตุของปัญหานี้ เกิดขึ้นได้อย่างไร และใครกันที่เป็นผู้ทำลาย
                  จากการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะบริเวณชายฝั่งหรือชายหาดพัทยาเหนือ จังหวัดชลบุรีนี้ เกิดจากปัจจัยสำคัญ ๒ ประการ คือ ประการแรกเกิดจากกระบวนการทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่อาจต้านทานได้ ทั้งการเกิดลมมรสุมและพายุ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ ในช่วงที่มีลมมรสุมและพายุจะทำให้เกิดคลื่นลมเคลื่อนเข้าปะทะชายฝั่ง ทำให้มีการพัดพาเอามวลทรายออกจากพื้นที่ชายหาดในช่วงเวลาหนึ่ง และจะพัดเอามวลทรายกลับมาในอีกช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจจะทำให้มวลทรายที่ถูกพัดพาออกไปจากชายฝั่ง และมวลทรายที่ถูกพัดพาเข้ามานั้นไม่สมดุลกันตามกำลังลมที่เกิดขึ้น
                  น้ำขึ้น-ขึ้นลง เกิดจากกระบวนการทางธรรมชาติ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะเช่นกัน ทะเลจะเกิดปรากฏการณ์น้ำขึ้น-น้ำลงทุกวัน ในการเกิดแต่ละครั้งส่งผลต่อการเคลื่อนตัวของตะกอนดินเลน และมวลทรายบริเวณชายฝั่ง ซึ่งอาจจะเกิดความไม่สมดุลดังเช่นที่เกิดกับลมมรสุมและพายุ มีส่วนทำให้เกิดการกัดเซาะบริเวณชายหาดได้เช่นกัน
                  ปรากฏการณ์น้ำขึ้น-น้ำลงนี้ ถือว่ามีความเกี่ยวข้องกับกระแสน้ำ เนื่องจากกระแสน้ำจะมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ชายฝั่งทะเล กระแสน้ำในช่วงน้ำลงจะมีความรุนแรงกว่ากระแสน้ำในช่วงน้ำขึ้นจึงทำให้เกิดตะกอนมากกว่า ซึ่งตะกอนจะถูกพัดพาไปสะสมตัวตามทิศทางการไหลของกระแสน้ำ จึงทำให้มวลทรายที่ถูกน้ำขึ้น-น้ำลงพัดไปนั้นไม่สมดุลกัน ส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายหาดได้ ถือว่ากระบวนการทางธรรมชาตินี้ สร้างความเสียหายต่อพื้นที่ชายหาดเป็นอย่างมาก
                  นอกจากสาเหตุจากกระบวนการทางธรรมชาติแล้ว มนุษย์ถือเป็นบุคคลสำคัญที่ทำลายพื้นที่ทรัพยากรชายฝั่ง การกระทำของมนุษย์ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีล้วนสร้างความเสียหายต่อพื้นที่ชายหาดพัทยาเหนือ โดยเฉพาะโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลขนาดใหญ่ มีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของกระบวนการชายฝั่ง เช่น การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมท่าเรือแหลมฉบังด้านทะเลอ่าวไทย โดยมีการถมทะเลและสร้างสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ในทะเล ซึ่งกีดขวางกระบวนการเคลื่อนตัวของมวลทรายชายฝั่งทะเล นอกจากนี้กิจกรรมต่อเนื่องจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เช่น การก่อสร้างโรงแรม รีสอร์ท และบ้านพักอาศัย และการดูดน้ำบาดาลมาใช้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ชายฝั่งทะเลเกิดปัญหาแผ่นดินทรุด และมักมีปัญหาการกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่งทะเลจนเป็นปัญหาสำคัญในปัจจุบัน

เสียงสะท้อนจากสังคมหลังระดมแก้ปัญหาครั้งที่ ๑
     “ผู้ประกอบการในบริเวณนี้ รายได้ลดลงมากกว่าครึ่ง เพราะปัญหาพื้นที่ไม่สวยงาม นักท่องเที่ยวจึงย้ายที่เพราะไม่มีที่ให้เล่นน้ำ วีระศักดิ์  เชี่ยวกิจ ผู้ประกอบการรายหนึ่งที่ค้าขายมา ๗-๘ ปี กล่าวความในใจและความรู้สึกหลังจากที่เมืองพัทยาได้ลงมาแก้ไขปัญหาชายหาดพัทยาที่ถูกน้ำทะเลกัดเซาะด้วยวิธีนำกระสอบทรายมาวางตามแนวชายหาดพัทยา เป็นระยะทาง ๙๗ เมตร
      ก่อนที่จะมีการนำกระสอบทรายมาวางตามแนวชายหาดพัทยาเหนือ ผู้ประกอบการยอมรับว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมาเล่นน้ำในพื้นที่นี้เป็นจำนวนมาก สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดี แต่เมื่อมีการนำกระสอบทรายมาวางไว้ ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวชายหาดพัทยาเหนือหลายคน มองข้ามบริเวณพื้นที่ที่มีการนำกระสอบทรายมาวางไว้ เพราะพวกเขารู้สึกว่าบริเวณนี้ไม่เหมือนหาดทรายจริง ไม่มีความเป็นธรรมชาติและไม่มีความสวยงาม
                  ปกติแล้วเวลาที่ไปเที่ยวทะเล สิ่งแรกที่ทุกจะได้สัมผัสก่อนถึงน้ำทะเลคือหาดทราย แม้บริเวณนี้จะมีหาดทรายอยู่จริง เชื่อว่าหลายคนเปลี่ยนใจไม่อยากลงเล่นน้ำ ซึ่งแตกต่างจากอีกด้านหนึ่งของชายหาด ที่ยังไม่ได้มีการนำกระสอบทรายมาวางแก้ไขปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะ เป็นพื้นที่ชายหาดที่มีความสวยงาม ลงเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย และนักท่องเที่ยวได้สัมผัสธรรมชาติอย่างแท้จริง
                 
                  บริเวณแนวชายหาดที่เมืองพัทยานำกระสอบทรายมาวางแก้ไขปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะนี้ถือเป็นวิธีที่ดีที่ช่วยแก้ปัญหาได้ในระดับหนึ่ง แต่ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยว ทำให้เกิดอันตรายในขณะที่ลงเล่นน้ำ เนื่องจากเมื่อนำกระสอบทรายมาวางไว้เป็นระยะเวลานานแล้วจะเกิดตะไคร่น้ำสีเขียวขึ้นบนกระสอบทราย ทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินไม่ทันระวังลื่นล้มได้รับบาดเจ็บ บางคนลื่นล้มจนแขนหักเลยก็ว่าได้ อีกทั้งยังมีสัตว์ทะเลจำพวกเพรียงที่มีหนามแหลมเกาะอยู่บนกระสอบทราย เมื่อนักท่องเที่ยวเดินมาเหยียบเพรียงจึงทำให้ได้รับบาดเจ็บจากการลงมาเล่นน้ำครั้งนี้ เป็นการบั่นทอนจิตใจ เกิดความรู้สึกในแง่ลบ จนไม่อยากมาเล่นน้ำบริเวณนี้หรือตัดสินใจเดินทางไปท่องเที่ยวที่อื่น ๆ ต่อไป
                  เมื่อนักท่องเที่ยวมีจำนวนลดลงย่อมส่งผลต่อผู้ประกอบการในบริเวณนั้น ทำให้รายได้จากการค้าขายลดลงไปด้วย แต่รายได้ส่วนใหญ่ได้มาจากนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ เพราะ พวกเขานิยมมานอนอาบแดดมากกว่าการลงเล่นน้ำ บางคนนอนอาบแดดบนกระสอบทรายอย่างมีความสุข ส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทยหลายคนมักเลือกสถานที่ที่เป็นธรรมชาติ สะดวกสบาย พวกเขาจึงย้ายที่นั่งเล่น อีกทั้งบริเวณนี้อันตรายด้วย รายได้จากการท่องเที่ยวจึงเปลี่ยนไปอยู่อีกด้านหนึ่งของชายหาดพัทยาเหนือที่ยังไม่ได้แก้ปัญหา ผู้ประกอบการรู้สึกว่านี้คือปัญหาสำคัญที่กระทบต่อการค้าขาย อีกทั้งยังส่งผลไปถึงเศรษฐกิจของเมืองพัทยา ที่อาจมีรายเข้าเมืองพัทยาลดลงตามไปด้วย

                  สำหรับโครงการของเมืองพัทยานี้ช่วยแก้ปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะได้เป็นอย่างดี แต่โครงการนี้ไม่เป็นไปตามที่เมืองพัทยาได้เสนอรูปแบบโครงการไว้ ผู้ประกอบการจึงอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งแก้ปัญหาโดยเร็ว คือควรนำกระสอบทรายมาวางให้ได้ตามแนวชายหาด แล้วนำทรายมาเทกลบกระสอบทรายเพื่อให้ชายหาดพัทยาเหนือกลับมาสวยงาม มีความเป็นธรรมชาติและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวดินแดนแห่งนี้อีกครั้ง
                   หลายคนคาดหวังว่าดินแดนชายหาดพัทยาเหนือจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง ถ้าหากหน่วยงานที่รับผิดชอบตระหนักถึงปัญหาและลงมือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งนี้ให้เป็นที่รู้จักของอารยประเทศ


(http://youtu.be/RYGQYn2J03U)



ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก :
http://www.pattayamail.com/913/news.shtml
https://www.youtube.com/watch?v=RYGQYn2J03U

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น